รวมถึงยังได้แรงหนุนจาก 6 เทรนด์สำคัญ ที่กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในภูมิภาค ได้แก่
- Aspirationตลาดสินค้าและบริการระดับพรีเมียมในเอเชียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ บริการทางการเงิน ตลอดจนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้คนในการยกระดับคุณภาพชีวิต World Bank ยังคาดการณ์ว่าในปี 2568 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะมีการเติบโต 4.4% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค (ไม่รวมประเทศจีน) จะมีการเติบโตสูงขึ้นถึง 4.9% โดยมีแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศ การฟื้นตัวของภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว
- Building Asiaภาครัฐของประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ได้มีการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง อย่างในประเทศจีนก็ได้มีการลงทุน 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามแผน 5 ปี ฉบับที่ 14 โดยมุ่งเน้นโครงการด้านการขนส่ง และการพัฒนาเมือง ในขณะที่ประเทศอินเดียก็ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยเน้นเรื่องของพลังงานหมุนเวียน และโครงสร้างพื้นฐานในเมืองเป็นหลัก
- Digital Futureภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เริ่มนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิด สตาร์ตอัป และธุรกิจดิทิจัลใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม E-commerce, FinTech และ Cloud Service ก่อให้เกิดการสร้างงานใหม่ และโอกาสการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้อัตราการว่างงานในเอเชียลดลงเหลือ 3.1% ในปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วโลกที่ 5.2%
- Going Greenทวีปเอเชียเป็นหนึ่งในทวีปที่มีความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน, แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม โดยการรายงานจาก World Economic Forum ได้คาดการณ์ว่า ตลาดธุรกิจสีเขียวในเอเชียจะเติบโตถึง 4-5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 และอาจสร้างงานให้กับผู้คนได้ถึง 232 ล้านตำแหน่งต่อปี ภายในปี 2573 อีกด้วยเช่นกัน
- Health and Wellnessเมื่อผู้คนเริ่มมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความพร้อมที่จะหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นด้วย ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการ Healthcare ในเอเชียเพิ่มขึ้น อีกทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยังถือได้ว่าเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในด้านการใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยคาดว่าภายในปี 2573 ภูมิภาคนี้จะมีสัดส่วนการใช้จ่ายด้านสุขภาพมากกว่า 20% ของการใช้จ่ายทั่วโลก
- Tech Enablersหลาย ๆ ประเทศในทวีปเอเชียมีความพร้อมสำหรับการเติบโตด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้าน AI และ Cloud ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างรายได้ และการเติบโตของบริษัทต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่า การเติบโตของการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีของเอเชีย จะมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 6.4-7.4% ตั้งแต่ปี 2567-2570 ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 876 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2570
ในขณะที่หลายประเทศในเอเชียมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว จนอาจทำให้นักลงทุนเลือกไม่ถูกว่าควรลงทุนที่ไหน กลยุทธ์การกระจายการลงทุน (Asset Allocation) จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในหลากหลายประเทศไปพร้อม ๆ กัน
และสำหรับนักลงทุนท่านใดที่อยากเติบโตไปพร้อมกับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมกับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปีนี้ พลาดไม่ได้กับกองทุน ABAPAC-SSF (กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม) และ ABAPAC-RMF (กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) ผ่านกองทุนหลัก abrdn Pacific Equity Fund SGD class
กลยุทธ์การลงทุนในกองทุนหลัก :
- เลือกลงทุนในบริษัทผู้นำของแต่ละอุตสาหกรรม มีการลงทุนครอบคลุมหลากหลายประเภทธุรกิจ อีกทั้งยังกระจายการลงทุนไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนกระจุกตัวได้
- กลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุก มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด
- คัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-up ลงทุนแบบ High Conviction เพื่อให้ได้หุ้น 50-70 ตัวที่ดีที่สุดในพอร์ตการลงทุน
จุดเด่นของกองทุนหลัก :
- มีทีมผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ลงทุนในเอเชียมายาวนานกว่า 30 ปี
- ให้ความสำคัญในการวิเคราะห์และวิจัยปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เพื่อเฟ้นหาหุ้นที่มีคุณภาพ
- ใส่ใจในด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) โดยนำมาเป็นหัวใจหลักในขั้นตอนการลงทุน เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
Top 5 Holdings ที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน (%) :
- Taiwan Semiconductor Manufacturing Co., Ltd. = 10.13%
- Tencent Holdings Ltd. = 7.36%
- AIA Group Ltd. = 3.59%
- Samsung Electronics Co., Ltd. = 3.41%
- DBS Group Holdings Limited = 3.11%
ที่มา : abrdn, 31 ตุลาคม 2567
ธีมการลงทุนและบริษัทที่ลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
การเลือกลงทุนในกองทุนที่สอดคล้องกับเทรนด์การเติบโตของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กับ ABAPAC-SSF และ ABAPAC-RMF นอกจากช่วยประหยัดภาษีแล้ว ยังเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในระยะยาว ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค…
กองทุน ABAPAC-SSF และ ABAPAC-RMF มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6
คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม : กองทุนรวมลดหย่อนภาษี | abrdn
*ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวน โทร. 02-352-3388 หรืออีเมล client.services.th@abrdn.com
#แผนใหม่ให้นักลงทุนไทยได้ไปต่อ
#SSF #RMF #abrdn #Assetallocation
ที่มา:
https://www.weforum.org/agenda/2024/06/asia-pacific-prioritizing-green-economy/
https://www.bain.com/insights/asia-pacific-front-line-of-healthcare-2024/
https://uptech-media.com/tech-expenditure-in-apac-projected-to-increase-by-7-4-annual-growth-report/