ใครที่เข้าใจว่าภาษี เป็นเรื่องที่ซับซ้อน หรือยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ก็ต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน
เพราะวันนี้ทาง abrdn ได้สรุป 3 เรื่อง ที่ให้ทุกคนมาเช็กลิสต์ เพื่อช่วยให้ลดหย่อนได้คุ้มค่ามากขึ้น
- เช็กรายได้ต่อปี เพื่อให้รู้ว่าต้องเสียภาษีในอัตราเท่าไร
- หากองทุนลดหย่อนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย เพื่อต่อยอดเงินในอนาคต
- ช็อปกองทุนแบบไหน ให้กระจายความเสี่ยง และลดความผันผวนระยะยาว
ทั้ง 3 เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนห้ามมองข้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องของการกระจายความเสี่ยง (Asset Allocation) ในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนระยะยาว แล้วรายละเอียดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามต่อในโพสต์นี้ได้เลย !
เช็กรายได้
คำนวณเงินได้สุทธิ |
คำนวณหาภาษีที่จะต้องจ่าย |
---|---|
เงินได้สุทธิ = เงินได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน |
ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี |
เงินได้สุทธิ (บาท) |
อัตราภาษี |
---|---|
0 – 150,000 |
ได้รับการยกเว้นภาษี |
150,001 – 300,000 |
5% |
300,001 – 500,000 |
10% |
500,001 – 750,000 |
15% |
750,001 – 1,000,000 |
20% |
1,000,001 – 2,000,000 |
25% |
2,000,001 – 5,000,000 |
30% |
5,000,001 บาทขึ้นไป |
35% |
1. เช็กรายได้
สำหรับใครที่มีรายได้เข้ามาทุกเดือน ควรเริ่มต้นด้วยการคำนวณเงินได้สุทธิต่อปี ว่ารวมแล้วอยู่ที่เท่าไร ด้วยการใช้สูตรนี้เลย
เงินได้สุทธิ = เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
จากนั้น เมื่อรู้จำนวนเงินได้สุทธิมาแล้ว ก็มาคำนวณหาภาษีที่จะต้องชำระ ตามอัตราภาษีเงินได้แบบขั้นบันได ตามสูตรนี้
ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี
หากใครที่ยังนึกไม่ออก มาดูตัวอย่างการคำนวณไปพร้อม ๆ กันได้เลย
คุณ A มีเงินเดือน 35,000 บาทต่อเดือน (ไม่มีตัวช่วยลดหย่อนเพิ่มเติม)
- สิทธิหักค่าใช้จ่าย 50% ของรายได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- ค่าประกันสังคมต่อปี 9,000 บาท
เท่ากับว่าคุณ A จะมีเงินได้สุทธิ 251,000 บาท เทียบเป็นฐานภาษี 5% ดังนั้น จะต้องเสียภาษีอยู่ที่ 5,050 บาท
นี่ก็เป็นสูตรการคำนวณหาเงินได้สุทธิ และภาษีที่จะต้องจ่าย ซึ่งจะเห็นว่าหากไม่ได้มีการลงทุน เพื่อลดหย่อนภาษีใด ๆ อาจจะต้องเสียภาษีค่อนข้างสูง ดังนั้น ขั้นตอนถัดไปเราจะชวนไปดูทางเลือกในการลดหย่อนภาษีที่คุ้มค่ากัน
2. หาตัวช่วยลดหย่อนภาษี
หากต้องการตัวช่วยที่สามารถลดหย่อน เสริมสร้างนิสัยการออม พร้อมกับต่อยอดเงิน “กองทุนลดหย่อนภาษี” คือ คำตอบ
กองทุนรวม SSF
- สิทธิในการลดหย่อนสูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท
- ระยะเวลาถือครอง10 ปีขึ้นไป ไม่มีขั้นต่ำ และไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
- นโยบายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์
กองทุนรวม RMF
- สิทธิในการลดหย่อนสูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท
- ระยะเวลาถือครอง5 ปีขึ้นไป ต้องลงทุนต่อเนื่องหรือปีเว้นปี และขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- นโยบายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์
กองทุนรวม ThaiESG
- สิทธิในการลดหย่อนสูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 300,000 บาท
- ระยะเวลาถือครอง5 ปีขึ้นไป และไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
- นโยบายการลงทุนหุ้น และตราสารหนี้ของไทย
หมายเหตุ: SSF, RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, กบข, กอช, ประกันบำนาญ รวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท
2. หาตัวช่วยลดหย่อนภาษี
ปัจจุบันมีทางเลือกในการลดหย่อนภาษีที่หลากหลาย ซึ่งหลัก ๆ ที่ทุกคนรู้กันเบื้องต้นนั้นจะประกอบด้วย
- สิทธิลดหย่อนขั้นพื้นฐานเช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ค่าฝากครรภ์ หรือคลอดบุตรไม่เกิน 60,000 บาท ค่าลดหย่อนบิดามารดาอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยสามารถลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท เป็นต้น
- กลุ่มประกันชีวิตและประกันสุขภาพเช่น ประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ ไม่เกิน 100,000 บาท ประกันสุขภาพ ไม่เกิน 25,000 บาท โดยสามารถลดหย่อนรวมกันสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- เงินบริจาคเช่น เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา โรงพยาบาลรัฐ สามารถลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย หรือค่าลดหย่อนอื่น ๆ เป็นต้น
- ค่าลดหย่อนตามมาตรการของภาครัฐเช่น โครงการ Easy E-Receipt สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เป็นต้น
และหากอยากได้ผลประโยชน์แบบคุ้มค่า ทั้งการเซฟภาษี ไปพร้อม ๆ กับการเสริมสร้างนิสัยการออม และต่อยอดเงินให้งอกเงยในอนาคต ต้องห้ามมองข้าม
ทางเลือกการลดหย่อนผ่านกองทุนรวมลดหย่อนภาษีทั้ง 3 ประเภทที่มีวัตถุประสงค์ ระยะเวลา และนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน
- กองทุนรวม SSF (Super Savings Fund)กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท โดยจะต้องถือครอง 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนสูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนลดหย่อนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ทั้งนี้ SSF จะสามารถลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ถึงปี 2567 นี้เท่านั้น
- กองทุนรวม RMF (Retirement Mutual Fund)กองทุนรวมเพื่อการออมยามเกษียณ มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท ซึ่งจะต้องถือครอง 5 ปีขึ้นไป และต้องลงทุนต่อเนื่อง ไปจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนลดหย่อนเพื่อการเกษียณอื่นๆ
- กองทุนรวม ThaiESG (Thailand ESG Fund)กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน มีนโยบายลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ไทยที่ดำเนินการตามหลัก ESG โดยจะต้องถือครอง 5 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 300,000 บาท
3. วางแผนกระจายความเสี่ยง
เข้าใจสินทรัพย์
สินทรัพย์แต่ละประเภทมีจุดเด่นต่างกัน จึงควรศึกษาให้เข้าใจ เพื่อเลือกลงทุนได้ตรงความต้องการ
กำหนดสัดส่วนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
ควรกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์และนโยบายที่ต่างกัน โดยแบ่งสัดส่วนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
ติดตามสม่ำเสมอ
ควรติดตามพอร์ตอย่างสม่ำเสมอว่าผลตอบแทนหรือสัดส่วนการลงทุนยังคงเป็นไปตามที่เราวางแผนเอาไว้หรือไม่
3. วางแผนกระจายความเสี่ยง
ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกช็อปเหล่ากองทุนรวมลดหย่อนภาษี ควรจะต้องวางแผน และคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ร่วมด้วย
- เข้าใจสินทรัพย์ที่เลือกลงทุนเนื่องจากสินทรัพย์การลงทุนมีหลายประเภท ทั้งตราสารหนี้ อสังหาฯ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรศึกษาให้เข้าใจ เพื่อจะได้เลือกลงทุนได้ตรงตามความต้องการของตนเอง
- กำหนดสัดส่วนให้สอดคล้องกับเป้าหมายเมื่อเรามีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ก็ต้องกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ โดยแบ่งสัดส่วนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย รวมถึงระดับความเสี่ยงที่รับได้ ซึ่งการกำหนดสัดส่วนก็ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว จึงจะขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคลมากกว่า
ทั้งนี้สามารถเข้าไปทำแบบประเมินระดับความเสี่ยงเพิ่มเติมได้ที่
- ติดตามอย่างสม่ำเสมอหากต้องการให้พอร์ตการลงทุนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ควรมีการติดตามอย่างสม่ำเสมอ ว่าสถานการณ์ ผลตอบแทน หรือสัดส่วนการลงทุนเป็นไปตามที่เราวางแผนเอาไว้หรือไม่ เพราะหากไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ทันการณ์
ดังนั้น การใส่ใจในเรื่องสำคัญข้างต้น จะช่วยลดความเสี่ยง จำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
abrdn
ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวมระดับโลก
- ความเชี่ยวชาญเข้าใจทุกสินทรัพย์และรู้ลึกในภูมิภาคที่เข้าไปลงทุน
- ครอบคลุมทั่วโลกมีผู้เชี่ยวชาญกระจายอยู่มากกว่า 25 แห่งทั่วโลก
- จัดการสินทรัพย์มูลค่าสูงจัดการสินทรัพย์กว่า 369.3 พันล้านปอนด์ สะท้อนถึงความไว้วางใจจากภาคส่วนต่างๆ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง หรืออยากเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต
ลองเปิดใจเลือก abrdn เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนของคุณ โดย abrdn มีความโดดเด่นในเรื่องต่าง ๆ
- เข้าใจและรู้จริงในทุกสินทรัพย์ทั่วทุกภูมิภาค
- มีผู้เชี่ยวชาญกระจายอยู่ในสำนักงาน 25 แห่งทั่วโลก จึงสามารถส่งมอบข้อมูลเชิงลึกจากในแต่ละพื้นที่ไปยังทั่วโลกได้
- ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายภาคส่วน ทำให้ปัจจุบันมีการจัดการสินทรัพย์มูลค่ามหาศาล
มัดรวมกองทุน SSF และ RMF จาก abrdn
ABGDD-SSF/RMF
ลงทุนในกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่าทั่วโลก
ABINNO-SSF
ลงทุนในกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในหุ้นนวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ดี
ABAGS-SSF
ลงทุนในกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กอนาคตไกลในสหรัฐฯ
ABSM-SSF/RMF
ลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในไทย
ABAPAC-SSF/RMF
ลงทุนในกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น)
ABSI-RMF
ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสิ้นคุณภาพดีของไทย
มัดรวมกองทุน SSF และ RMF จาก abrdn
ABGDD-SSF/RMF
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น เพื่อการเลี้ยงชีพ
นโยบาย : ลงทุนในหุ้นเด่นทั่วโลก ผสมผสานลงตัวระหว่างหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ
abrdn SICAV I - Global Dynamic Dividend Fund Z Gross MInc USD
จุดเด่นของกองทุนหลัก : ลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่าทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่าง เพื่อค้นหาการจ่ายปันผลทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ไม่ละทิ้งโอกาสสร้างผลกำไรจากราคาหุ้น
ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)
ABINNO-SSF
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อินโนเวชั่น เอคควิตี้ ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม
นโยบาย : ลงทุนนวัตกรรม (Innovation) ที่หลากหลาย เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I - Global Innovation Equities Fund Z Acc USD
จุดเด่นของกองทุนหลัก : ลงทุนในหุ้นนวัตกรรมแห่งอนาคตทั่วโลก ที่จะเข้ามาเปลี่ยนการดำเนินชีวิตของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น
ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)
ABAGS-SSF
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อเมริกัน โกรท - สมอลเลอร์ คอมพานี ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม
นโยบาย : เฟ้นหาหุ้นเล็กอนาคตไกลในสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ
abrdn SICAV I - North American Smaller Companies Fund Z Acc USD
จุดเด่นของกองทุนหลัก :
บริหารพอร์ตเชิงรุก คัดหุ้นเล็กที่มีโอกาสเติบโตสูงในสหรัฐฯ ประมาณ 40-60 บริษัท
ลงทุนในหุ้นบริษัทคุณภาพที่มีโอกาสเติบโตของกำไรดีอย่างต่อเนื่องและมีหนี้ต่ำ
ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงขาลง และสร้างผลตอบแทนในช่วงขาขึ้น
กระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)
ABSM-SSF/RMF
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ - ชนิดเพื่อการออม และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ เพื่อการเลี้ยงชีพ
นโยบาย : เฟ้นหาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในไทยที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง พร้อมก้าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต
จุดเด่นของกองทุน : เน้นลงทุนใน 4 ธีมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้แก่ สุขภาพและความงาม, อาหารและเครื่องดื่ม, Global Supply Chain Diversification, IT Solutions (ธีมการลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม)
โดยวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ โมเดลการทำธุรกิจ, แนวโน้มการเติบโต, Valuation (มูลค่าของหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม)
ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)
ABAPAC-SSF/RMF
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ
นโยบาย : เกาะกระแสตลาดเอเชีย ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn Pacific Equity Fund SGD Class
จุดเด่นของกองทุนหลัก : มีทีมผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การลงทุนในเอเชียยาวนานกว่า 30 ปี เน้นการวิเคราะห์และวิจัยปัจจัยพื้นฐานบริษัท เพื่อเฟ้นหาหุ้นที่มีคุณภาพ มีปัจจัยความเสี่ยงที่น้อยกว่า
ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)
ABSI-RMF
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทอินคัมเพื่อการเลี้ยงชีพ
นโยบาย : เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพดีของไทย (Investment Grade) ครอบคลุมทั้งตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน รวมถึงเงินฝากธนาคาร
จุดเด่นของกองทุน : เน้นลงทุนเพื่อความมั่นคง แต่ยังคงได้รับผลประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี
ความเสี่ยง : ระดับ 4 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ)
สามารถศึกษารายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมของกองทุนต่าง ๆ ได้ที่ : https://www.abrdn.com/th-th/investor/investment-solutions/tax-saving-funds
*ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก กองทุนรวมที่มีการลงทุนในต่างประเทศมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวน โทร. 02-352-3388 หรืออีเมล client.services.th@abrdn.com
#แผนใหม่ให้นักลงทุนไทยได้ไปต่อ #SSF #RMF #abrdn #Assetallocation
References
https://www.set.or.th/project/caltools/www/html/tax/index.html?theme=default