ใกล้สิ้นปีเข้ามาทุกทีแล้ว ใครที่ยังไม่ได้เริ่มวางแผนลดหย่อนภาษี ต้องรีบกันหน่อยแล้ว เพราะหากปล่อยผ่านไป อาจต้องจ่ายภาษีเต็มจำนวน อย่าหาว่าไม่เตือนนะ

ใครที่เข้าใจว่าภาษี เป็นเรื่องที่ซับซ้อน หรือยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ก็ต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน

เพราะวันนี้ทาง abrdn ได้สรุป 3 เรื่อง ที่ให้ทุกคนมาเช็กลิสต์ เพื่อช่วยให้ลดหย่อนได้คุ้มค่ามากขึ้น

  • เช็กรายได้ต่อปี เพื่อให้รู้ว่าต้องเสียภาษีในอัตราเท่าไร
  • หากองทุนลดหย่อนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย เพื่อต่อยอดเงินในอนาคต
  • ช็อปกองทุนแบบไหน ให้กระจายความเสี่ยง และลดความผันผวนระยะยาว

ทั้ง 3 เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนห้ามมองข้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องของการกระจายความเสี่ยง (Asset Allocation) ในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนระยะยาว แล้วรายละเอียดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามต่อในโพสต์นี้ได้เลย !

1. เช็กรายได้

สำหรับใครที่มีรายได้เข้ามาทุกเดือน ควรเริ่มต้นด้วยการคำนวณเงินได้สุทธิต่อปี ว่ารวมแล้วอยู่ที่เท่าไร ด้วยการใช้สูตรนี้เลย

เงินได้สุทธิ = เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน

จากนั้น เมื่อรู้จำนวนเงินได้สุทธิมาแล้ว ก็มาคำนวณหาภาษีที่จะต้องชำระ ตามอัตราภาษีเงินได้แบบขั้นบันได ตามสูตรนี้

ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี

หากใครที่ยังนึกไม่ออก มาดูตัวอย่างการคำนวณไปพร้อม ๆ กันได้เลย

คุณ A มีเงินเดือน 35,000 บาทต่อเดือน (ไม่มีตัวช่วยลดหย่อนเพิ่มเติม)

  • สิทธิหักค่าใช้จ่าย 50% ของรายได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  • ค่าประกันสังคมต่อปี 9,000 บาท

เท่ากับว่าคุณ A จะมีเงินได้สุทธิ 251,000 บาท เทียบเป็นฐานภาษี 5% ดังนั้น จะต้องเสียภาษีอยู่ที่ 5,050 บาท

นี่ก็เป็นสูตรการคำนวณหาเงินได้สุทธิ และภาษีที่จะต้องจ่าย ซึ่งจะเห็นว่าหากไม่ได้มีการลงทุน เพื่อลดหย่อนภาษีใด ๆ อาจจะต้องเสียภาษีค่อนข้างสูง ดังนั้น ขั้นตอนถัดไปเราจะชวนไปดูทางเลือกในการลดหย่อนภาษีที่คุ้มค่ากัน

2. หาตัวช่วยลดหย่อนภาษี

หากต้องการตัวช่วยที่สามารถลดหย่อน เสริมสร้างนิสัยการออม พร้อมกับต่อยอดเงิน “กองทุนลดหย่อนภาษี” คือ คำตอบ

หมายเหตุ: SSF, RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, กบข, กอช, ประกันบำนาญ รวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท

2. หาตัวช่วยลดหย่อนภาษี

ปัจจุบันมีทางเลือกในการลดหย่อนภาษีที่หลากหลาย ซึ่งหลัก ๆ ที่ทุกคนรู้กันเบื้องต้นนั้นจะประกอบด้วย

  • สิทธิลดหย่อนขั้นพื้นฐาน
    เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ค่าฝากครรภ์ หรือคลอดบุตรไม่เกิน 60,000 บาท ค่าลดหย่อนบิดามารดาอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยสามารถลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท เป็นต้น
  • กลุ่มประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
    เช่น ประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ ไม่เกิน 100,000 บาท ประกันสุขภาพ ไม่เกิน 25,000 บาท โดยสามารถลดหย่อนรวมกันสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • เงินบริจาค
    เช่น เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา โรงพยาบาลรัฐ สามารถลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย หรือค่าลดหย่อนอื่น ๆ เป็นต้น
  • ค่าลดหย่อนตามมาตรการของภาครัฐ
    เช่น โครงการ Easy E-Receipt สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เป็นต้น

และหากอยากได้ผลประโยชน์แบบคุ้มค่า ทั้งการเซฟภาษี ไปพร้อม ๆ กับการเสริมสร้างนิสัยการออม และต่อยอดเงินให้งอกเงยในอนาคต ต้องห้ามมองข้าม

ทางเลือกการลดหย่อนผ่านกองทุนรวมลดหย่อนภาษีทั้ง 3 ประเภทที่มีวัตถุประสงค์ ระยะเวลา และนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน

  • กองทุนรวม SSF (Super Savings Fund)
    กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท โดยจะต้องถือครอง 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนสูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนลดหย่อนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ทั้งนี้ SSF จะสามารถลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ถึงปี 2567 นี้เท่านั้น
  • กองทุนรวม RMF (Retirement Mutual Fund)
    กองทุนรวมเพื่อการออมยามเกษียณ มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท ซึ่งจะต้องถือครอง 5 ปีขึ้นไป และต้องลงทุนต่อเนื่อง ไปจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ โดยสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนลดหย่อนเพื่อการเกษียณอื่นๆ
  • กองทุนรวม ThaiESG (Thailand ESG Fund)
    กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน มีนโยบายลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ไทยที่ดำเนินการตามหลัก ESG โดยจะต้องถือครอง 5 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 300,000 บาท

3. วางแผนกระจายความเสี่ยง

3. วางแผนกระจายความเสี่ยง

ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกช็อปเหล่ากองทุนรวมลดหย่อนภาษี ควรจะต้องวางแผน และคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ร่วมด้วย

  • เข้าใจสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน
    เนื่องจากสินทรัพย์การลงทุนมีหลายประเภท ทั้งตราสารหนี้ อสังหาฯ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรศึกษาให้เข้าใจ เพื่อจะได้เลือกลงทุนได้ตรงตามความต้องการของตนเอง
  • กำหนดสัดส่วนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
    เมื่อเรามีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ก็ต้องกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ โดยแบ่งสัดส่วนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย รวมถึงระดับความเสี่ยงที่รับได้ ซึ่งการกำหนดสัดส่วนก็ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว จึงจะขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคลมากกว่า

ทั้งนี้สามารถเข้าไปทำแบบประเมินระดับความเสี่ยงเพิ่มเติมได้ที่

Smart To Invest

  • ติดตามอย่างสม่ำเสมอ
    หากต้องการให้พอร์ตการลงทุนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ควรมีการติดตามอย่างสม่ำเสมอ ว่าสถานการณ์ ผลตอบแทน หรือสัดส่วนการลงทุนเป็นไปตามที่เราวางแผนเอาไว้หรือไม่ เพราะหากไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ทันการณ์

    ดังนั้น การใส่ใจในเรื่องสำคัญข้างต้น จะช่วยลดความเสี่ยง จำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง หรืออยากเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต

ลองเปิดใจเลือก abrdn เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนของคุณ โดย abrdn มีความโดดเด่นในเรื่องต่าง ๆ

  • เข้าใจและรู้จริงในทุกสินทรัพย์ทั่วทุกภูมิภาค
  • มีผู้เชี่ยวชาญกระจายอยู่ในสำนักงาน 25 แห่งทั่วโลก จึงสามารถส่งมอบข้อมูลเชิงลึกจากในแต่ละพื้นที่ไปยังทั่วโลกได้
  • ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายภาคส่วน ทำให้ปัจจุบันมีการจัดการสินทรัพย์มูลค่ามหาศาล

มัดรวมกองทุน SSF และ RMF จาก abrdn

มัดรวมกองทุน SSF และ RMF จาก abrdn

ABGDD-SSF/RMF

กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น เพื่อการเลี้ยงชีพ

นโยบาย : ลงทุนในหุ้นเด่นทั่วโลก ผสมผสานลงตัวระหว่างหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ

abrdn SICAV I - Global Dynamic Dividend Fund Z Gross MInc USD

จุดเด่นของกองทุนหลัก : ลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่าทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่าง เพื่อค้นหาการจ่ายปันผลทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ไม่ละทิ้งโอกาสสร้างผลกำไรจากราคาหุ้น

ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)

ABINNO-SSF

กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อินโนเวชั่น เอคควิตี้ ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม

นโยบาย : ลงทุนนวัตกรรม (Innovation) ที่หลากหลาย เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I - Global Innovation Equities Fund Z Acc USD

จุดเด่นของกองทุนหลัก : ลงทุนในหุ้นนวัตกรรมแห่งอนาคตทั่วโลก ที่จะเข้ามาเปลี่ยนการดำเนินชีวิตของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น

ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)

ABAGS-SSF

กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อเมริกัน โกรท - สมอลเลอร์ คอมพานี ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม

นโยบาย : เฟ้นหาหุ้นเล็กอนาคตไกลในสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ

abrdn SICAV I - North American Smaller Companies Fund Z Acc USD

จุดเด่นของกองทุนหลัก :

บริหารพอร์ตเชิงรุก คัดหุ้นเล็กที่มีโอกาสเติบโตสูงในสหรัฐฯ ประมาณ 40-60 บริษัท

ลงทุนในหุ้นบริษัทคุณภาพที่มีโอกาสเติบโตของกำไรดีอย่างต่อเนื่องและมีหนี้ต่ำ

ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงขาลง และสร้างผลตอบแทนในช่วงขาขึ้น

กระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)

ABSM-SSF/RMF

กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ - ชนิดเพื่อการออม และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ เพื่อการเลี้ยงชีพ

นโยบาย : เฟ้นหาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในไทยที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง พร้อมก้าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต

จุดเด่นของกองทุน : เน้นลงทุนใน 4 ธีมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้แก่ สุขภาพและความงาม, อาหารและเครื่องดื่ม, Global Supply Chain Diversification, IT Solutions (ธีมการลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม)

โดยวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ โมเดลการทำธุรกิจ, แนวโน้มการเติบโต, Valuation (มูลค่าของหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม)

ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)

ABAPAC-SSF/RMF

กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ

นโยบาย : เกาะกระแสตลาดเอเชีย ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn Pacific Equity Fund SGD Class

จุดเด่นของกองทุนหลัก : มีทีมผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การลงทุนในเอเชียยาวนานกว่า 30 ปี เน้นการวิเคราะห์และวิจัยปัจจัยพื้นฐานบริษัท เพื่อเฟ้นหาหุ้นที่มีคุณภาพ มีปัจจัยความเสี่ยงที่น้อยกว่า

ความเสี่ยง : ระดับ 6 (สูง)

ABSI-RMF

กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทอินคัมเพื่อการเลี้ยงชีพ

นโยบาย : เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพดีของไทย (Investment Grade) ครอบคลุมทั้งตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน รวมถึงเงินฝากธนาคาร

จุดเด่นของกองทุน : เน้นลงทุนเพื่อความมั่นคง แต่ยังคงได้รับผลประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี

ความเสี่ยง : ระดับ 4 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ)

สามารถศึกษารายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมของกองทุนต่าง ๆ ได้ที่ : https://www.abrdn.com/th-th/investor/investment-solutions/tax-saving-funds

*ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก กองทุนรวมที่มีการลงทุนในต่างประเทศมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวน โทร. 02-352-3388 หรืออีเมล client.services.th@abrdn.com

#แผนใหม่ให้นักลงทุนไทยได้ไปต่อ #SSF #RMF #abrdn #Assetallocation

References

https://www.set.or.th/project/caltools/www/html/tax/index.html?theme=default

https://www.abrdn.com/th-th/investor/about-us/who-we-are

https://www.rd.go.th/59674.html

บทความที่เกี่ยวข้อง