เพิ่มการลงทุน อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย แผนการลงทุนรายเดือน
แผนการลงทุนรายเดือน
การลงทุนอาจทำให้ท่านสับสนและไม่แน่ใจในยามที่สมควรลงทุนมากที่สุด แม้จะเป็นช่วงที่ตลาดผันผวนก็ตาม แผนการลงทุนรายเดือนสามารถช่วยท่านให้หลุดพ้นจากความสับสนลังเลทั้งหลาย หากท่านนำเงินจำนวนเท่ากันเข้าลงทุนเป็นประจำทุกเดือน ท่านก็สามารถสะสมทรัพย์สินให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมีวินัยและไม่เครียดเท่ากับ การลงทุนแบบหาจังหวะ และการบรรลุเป้าหมายทางการเงินของท่านก็อยู่ไม่ไกล
ข้อดีของแผนการลงทุนรายเดือน- เริ่มต้นลงทุนเพียง 1,000 บาท*
- เงินลงทุนรายเดือนสามารถหักออกจากบัญชีธนาคารของท่านได้โดยตรงหรือจากบัญชีเงินเดือนของท่าน
- การลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนมีความเหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับแผนการลงทุนรายเดือน เนื่องจากสามารถซื้อด้วยจำนวนเงินงวดละเท่าๆกันในทุกรอบเวลาที่ท่านกำหนดได้
- ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะเริ่มและสิ้นสุดแผนการลงทุนของท่านเมื่อไร โดยไม่มีค่าปรับใดๆ
- ท่านเป็นผู้กำหนดจำนวนเงินที่ส่งเข้ามาลงทุนรายเดือน โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายทางการเงินของตนเอง
- แผนการลงทุนรายเดือนทำให้เกิดวินัยในการลงทุน
โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายขาย เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
แผนการลงทุนรายเดือนสำหรับนักลงทุน
จึงไม่น่าแปลกที่ทำไมความเชื่อมั่นต่อการลงทุนจึงไม่แน่นอนในระยะหลัง
แล้วคุณจะทำอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นเกิดสะดุด? นักลงทุนบางคนอาจจะหวั่นกลัว และถอนการลงทุน บางคนรอดูสถานการณ์จนกว่าจะเห็นทิศทางชัดขึ้น คุณอาจมีคำถามว่าแล้วทำไมเรายังคงนำเงินไปลงทุนและไม่ถอดใจไปจากการลงทุน แม้เมื่อราคาหุ้นอาจจะตกต่ำลงไปมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตามธรรมชาติตลาดย่อมมีขึ้นมีลงแม้ในระยะสั้นก็ตาม ดังนั้นการพยายามที่จะทำนายทิศทางตลาดหุ้นจึงมักเป็นเรื่องยาก แม้คิดว่าน่าจะทำได้ก็ตาม และบ่อยครั้งที่ตลาดปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคิดว่ามันน่าจะเป็น ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้และดีที่สุดคือการเกาะติดการลงทุน แม้ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนในตลาดก็ตาม
จากการวิจัย เราพบว่าวิธีการลงทุนอย่างเป็นระบบมักจะทำกำไรได้มากกว่าวิธีการที่ปล่อยให้การตัดสินใจของมนุษย์เป็นตัวกำหนด และนั่นจึงเป็นที่มาของแผนการลงทุนรายเดือน
ด้วยการนำเงินเข้าไปลงทุนทุกเดือน แผนการลงทุนรายเดือนช่วยให้ท่านสร้างพอร์ตหลักทรัพย์ของท่านขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากตลาดหุ้นยังไม่ขยับขึ้น เงินที่ท่านนำมาลงทุนก็จะซื้อหุ้นได้มากขึ้น แต่เมื่อตลาดหุ้นขยับขึ้น เงินที่ท่านนำมาลงทุนก็จะซื้อหุ้นได้น้อยลง แต่มูลค่ารวมของพอร์ตหลักทรัพย์ของท่านจะเพิ่มขึ้น
ข้อที่ดีมากเกี่ยวกับแผนการลงทุนรายเดือนคือการควบคุมการลงทุนที่มากับแผน ท่านสามารถกำหนดจำนวนเงินตายตัวได้เองตามที่ท่านต้องการจะนำมาลงทุน ท่านสามารถตัดสินใจได้ว่าจะลงทุนในจุดใด และท่านสามารถเลือกหยุดและเริ่มการลงทุนรอบใหม่ตามแผนได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่วิธีการที่เหนือชั้นแต่อย่างใด แต่สามารถช่วยให้ท่านหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการลงทุนที่พบบ่อยๆได้มากมาย โปรดอ่านต่อไป....
การถัวเฉลี่ยต้นทุนของทรัพย์สินที่ลงทุน
โดยทั่วไปการลงทุนมีสองแบบ แบบเป็นระบบและแบบไม่เป็นระบบ แบบเป็นระบบเป็นการลงทุนแบบประจำสม่ำเสมอ และไม่ต้องอาศัยอารมณ์ความรู้สึกและความกล้ามาตัดสิน ท่านนำเงินจำนวนตายตัวมาเข้ากองทุนเป็นประจำทุกเดือน ไม่ว่าตลาดจะมีภาวะอย่างไรและราคาหน่วยลงทุนจะขึ้นหรือลงก็ตาม ถ้าราคาหน่วยลงทุนปรับลดลง ท่านก็ซื้อหน่วยได้มากขึ้น ถ้าราคาหน่วยลงทุนปรับเพิ่มขึ้น ท่านก็ซื้อหน่วยได้น้อยลง
วิธีนี้เรียกว่าวิธีเฉลี่ยต้นทุนของหน่วยลงทุน หมายถึงต้นทุนเฉลี่ยของหน่วยลงทุนของท่านจะน้อยกว่าต้นทุนของหน่วยลงทุนที่ซื้อมาด้วยเงินลงทุนเพียงก้อนเดียวในจำนวนเเงินเท่ากันกับเงินลงทุนเป็นงวดๆรวมกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากราคาหน่วยลงทุนผันผวน ท่านจะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้มากกว่า
สถิติย้อนหลังที่ผ่านมามีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีภาวะผันผวนสูง ดังที่กราฟข้างล่างได้แสดงไว้
เมื่ออารมณ์พาไป
ทุกๆปี ดัลบาร์ อิงค์ เผยแพร่บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อการซื้อและขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในสหรัฐฯ แม้ตัวเลขอาจแปรผันไปในแต่ละปี แต่ผลลัพท์ยังคงเป็นเช่นเดิม โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่าระดับที่ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมชี้นำอย่างมีนัยสำคัญ
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น คำตอบอยู่ที่จังหวะของตลาด พวกเราทั้งหมดมักจะเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถรู้ว่าจังหวะการลงทุนหรือเลิกลงทุนที่ดีจะมาถึงเมื่อใด แต่โชคก็มีส่วนสำคัญพอๆกับความชำนาญ แต่ส่วนใหญ่จะโชคไม่ดี ที่สำคัญคำแนะนำที่มีมานาน ที่ให้ซื้อตอนราคาต่ำและขายตอนราคาสูงเป็นสิ่งที่ฟังดูง่ายและมีเหตุผล แต่พฤติกรรมของเราที่ไม่เป็นระบบทำให้เราหลายคนทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำแนะนำ
ดัลบาร์ แสดงข้อมูลในช่วงนานกว่า 20 ปีที่ผ่านมาถึง 31 ธ.ค. 2550 นักลงทุนในกองทุนหุ้นส่วนใหญ่จะได้กำไรต่อปีในอัตราเพียง 4.5% ซึ่งต่ำกว่าดัชนี เอส แอนด์ พี 500 มากกว่า 7% ต่อปี นอกจากนี้เงินที่ลงทุนไป 10,000 เหรียญในกองทุนหุ้นในครั้งเดียว น่าจะทำกำไรได้เพียง 14,011 เหรียญ เทียบกับที่จะทำได้ 21,036 เหรียญจากการลงทุนแบบประจำสม่ำเสมอ ที่นำ 10,000 เหรียญมาเฉลี่ยเป็นงวด งวดละเท่ากันเป็นเวลา 240 เดือน (โปรดดูกราฟต่อไปนี้) ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำได้คือการลงทุนแบบประจำสม่ำเสมอและต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
การวางแผนการลงทุนของท่าน
แผนการลงทุนรายเดือนเป็นที่นิยมว่าเป็นหนทางที่ช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ระยะยาวที่เรากำหนดไว้
ก่อนการลงทุนใดๆก็ตาม เราควรกำหนดวัตถุประสงค์ของเราและดูว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถช่วยท่านได้ในจุดนี้ อีกหนึ่งทางในการพิจารณาความเหมาะสมของแผนการลงทุนของท่าน ได้แก่การพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆต่อไปนี้
แผนการลงทุนที่ดีควรพิจารณาทั้งปัจจัยภายนอกและภายในของการลงทุน เช่น รูปแบบต่างๆของการลงทุนที่มีให้เลือก และทัศนคติต่อความเสี่ยงของท่าน ปัญหาใหญ่ที่สุดที่นักลงทุนเกือบทุกคนพบ คือความไม่สมดุลกันระหว่างระดับผลตอบแทนที่คาดหวังและระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้
ผลตอบแทนและความเสี่ยงโดยมากจะสัมพันธ์กัน และยิ่งคงการลงทุนไว้นานเท่าใด เรายิ่งจะได้เห็นความจริงในข้อนี้ชัดเจนขึ้น โดยทั่วไป กองทุนหุ้นมีความผันผวนมากกว่ากองทุนพันธบัตร และกองทุนที่ลงทุนในประเทศใดเพียงประเทศเดียวยิ่งมีความผันผวนมากกว่ากองทุนที่ลงทุนในทั้งภูมิภาคหรือทั่วโลก กองทุนตลาดเงินมีความปลอดภัยสูงกว่าทั้งหมด แต่ก็ตั้งเป้าเพียงแค่ให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง
ด้วยแผนการลงทุนรายเดือน มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากความเครียดลดลงจากการเฉลี่ยต้นทุนหน่วยลงทุน โดยเงินของท่านยังคงเข้าลงทุนในตลาดตลอดช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าท่านควรจะจำกัดการลงทุนในแค่หนึ่งหรือสองกองทุน ท่านมีอิสระที่จะกระจายเงินลงทุนตามแผนการลงทุนรายเดือนไปยังหลายๆกองทุน ซึ่งที่จริงเป็นวิธีการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด
เนื่องจากแผนการลงทุนรายเดือนมีลักษณะการลงทุนอย่างเป็นระบบสม่ำเสมอ จึงได้รับความนิยม โดยมองว่าเป็นหนทางในการวางแผนเพื่อเหตุการณ์บางอย่าง เช่น การเกษียณอายุ การตั้งทุนการศึกษาให้บุตรหลาน และที่จริงแผนการลงทุนรายเดือนก็อาจจะเหมาะกับแผนการระยะยาวทุกประเภท ซึ่งอาจจะรวมทุกเพื่อการรักษาพยาบาลของท่านหรือทุนเพื่อการดูแลบิดามารดา
การลงทุนแบบรายเดือนในเอเชียมีข้อปลีกย่อยแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ในเกาหลี คนงานจำนวนหลายล้านคนมีการส่งเงินรายเดือนซึ่ง ซึ่งรวมเป็นเงินทุนสุทธิที่ไหลเข้าตลาดหุ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ในออสเตรเลีย มาเลเซีย และต่อมาฮ่องกง ได้จัดทำแผนการหักเงินเพื่อกองทุนบำเหน็จบำนาญออกจากเงินเดือน และนำไปลงทุนในตลาดอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ ซึ่งเป็นแผนที่เหมือนกับแผนการลงทุนรายเดือน ไม่ว่าเจ้าของเงินจะเลือกกองทุนเองหรือผ่านการจัดการของบุคคลที่สามก็ตาม
แม้ว่าท่านจ่ายเงินเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญอยู่แล้ว แต่การลงทุนตามแผนการลงทุนรายเดือนก็ยังจำเป็น เนื่องจากประเทศที่มาตรฐานสวัสดิการสังคมยังไม่สูงเท่ามาตรฐานของโลกตะวันตก เช่นในเอเชีย ซึ่งยังไม่มีสวัสดิการที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง ดังนั้นอัตราการออมเงินของประชาชนจึงมักจะสูงกว่าประชาชนในประเทศตะวันตก แต่เงินออมเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้อย่างชาญฉลาด ดังนั้นแผนการลงทุนรายเดือนจึงนำท่านเดินเข้าสู่เส้นทางที่จะทำให้เงินออมของท่านงอกเงยด้วยวิธีที่ง่ายและสะดวก
รายการที่ต้องพิจารณา
อะไรที่คุณพิจารณาเมื่อจะลงทุน ? ควรพิจารณาปัจจัยภายในบางอย่างของท่านเอง เมื่อต้องการวางแผนการลงทุนแบบใดก็ตาม:
- อะไรคือเป้าหมายการลงทุนและความต้องการของท่าน ?
- อายุของท่าน ?
- ฐานะการเงินของท่านดีแค่ไหน ?
- ท่านยอมรับความผันผวนระยะสั้นในตลาดการลงทุนได้มากแค่ไหน ?
- ท่านต้องการถอนเงินสดจากการลงทุนได้มากแค่ไหน หากท่านต้องการไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ?
- เมื่อใดที่ท่านจำเป็นต้องได้เงินที่ท่านลงทุนไปกลับคืนมา ?
- ท่านต้องการกระจายความเสี่ยงมากแค่ไหน ?
- การลงทุนในลักษณะใดที่ท่านต้องการ ?
เงินสดคืออำนาจ ?
ที่ผ่านมา เราอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “เงินสดคืออำนาจ” ซึ่งหมายถึงข้อเท็จจริงที่ว่าท่านจะไม่มีทางเสียเงินหากถือเงินสดเอาไว้
แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังคงต่ำมาก ท่านแทบจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีจากการเก็บเงินสดเอาไว้ และอันที่จริงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อแล้ว บางทีผลตอบแทนที่ได้อาจกลายเป็นติดลบ
ในขณะเดียวกัน เมื่อตลาดมีความผันผวน ย่อมหมายถึงราคาของหลักทรัพย์ที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยง เช่น หุ้นกู้และหุ้นสามัญในตลาด ก็มีโอกาสให้ผลตอบแทนได้มากอย่างน่าพอใจ และน่าสนใจกว่าดอกเบี้ยจากการฝากเงินสดไว้กับธนาคารมาก
แต่ก็เป็นความจริงว่าราคาของหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงก็อาจจะตกต่ำลงในระยะสั้น และถ้าบริษัทลดการจ่ายเงินปันผล ผลตอบแทนจากการถือหุ้นของบริษัทนี้ก็ไม่ได้สูงอย่างที่คาดไว้ แต่ในระยะยาวการถือหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินสดไว้กับธนาคาร